ข้อกำหนดการใช้บริการ
หมวดที่ 1 ข้อกำหนดทั่วไป
ข้อกำหนดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนการใช้บริการ holdclinicgn.com (ต่อไปนี้เรียกว่า "บริการ") ที่บริษัท Hold Clinic (ต่อไปนี้เรียกว่า "บริษัท") ให้บริการ รวมถึงข้อกำหนดอื่น ๆ ที่จำเป็น
ข้อ 2 (คำนิยาม)
① "บริการ" หมายถึง ฟังก์ชันและบริการทั้งหมดที่บริษัทให้ข้อมูลเกี่ยวกับหัตถการที่มีหรือไม่มีประกันที่บริษัทได้ลงทะเบียนไว้
② "การชำระเงินออนไลน์" หรือ "บริการชำระเงินออนไลน์" หมายถึง การใช้บริการชำระเงินผ่านระบบจองออนไลน์ในเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อใช้หรือซื้อกิจกรรมและสินค้าเกี่ยวกับหัตถการที่ไม่มีประกันที่บริษัทได้ลงทะเบียนไว้
③ "สินค้า" หมายถึง หัตถการที่ไม่มีประกันที่สมาชิกซื้อผ่าน "บริการชำระเงินออนไลน์" ในเว็บไซต์ของบริษัท
ข้อ 3 (ประสิทธิผล การเปลี่ยนแปลง และการบังคับใช้ข้อกำหนด)
① ข้อกำหนดนี้มีผลบังคับใช้เมื่อมีการประกาศบนหน้าบริการหรือแจ้งให้สมาชิกทราบด้วยวิธีอื่น
② บริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดนี้ได้ตามดุลยพินิจ และหากมีการแก้ไขข้อกำหนด บริษัทจะแจ้งวันมีผลบังคับใช้และเหตุผลในการแก้ไข พร้อมกับข้อกำหนดปัจจุบันบนหน้าบริการอย่างน้อย 7 วันก่อนวันมีผลบังคับใช้จนถึงวันก่อนมีผลบังคับใช้
③ หากมีการเพิ่มรายการใหม่ในบริการ โดยไม่มีคำอธิบายเฉพาะ จะถือว่าขึ้นอยู่กับข้อกำหนดนี้
④ ในกรณีที่ข้อกำหนดนี้ไม่ได้กล่าวถึง ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติพื้นฐานโทรคมนาคม พระราชบัญญัติธุรกิจโทรคมนาคม กฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ และคู่มือการใช้บริการ
หมวดที่ 3 หน้าที่ของคู่สัญญา
ข้อ 9 (หน้าที่ของบริษัท)
① บริษัทจะไม่กระทำการที่กฎหมายหรือข้อกำหนดนี้ห้ามไว้ และจะพยายามให้บริการอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
② บริษัทจะไม่เปิดเผยหรือแจกจ่ายข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกที่ได้มาในระหว่างการให้บริการแก่บุคคลที่สามโดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากเจ้าของข้อมูล เว้นแต่จะเข้าข่ายกรณีดังต่อไปนี้
③ บริษัทสามารถปฏิเสธการอนุญาตในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่อมีการร้องขอจากหน่วยงานของรัฐตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติพื้นฐานโทรคมนาคม
- เมื่อมีการร้องขอเพื่อวัตถุประสงค์ในการสืบสวนอาชญากรรมหรือจากคณะกรรมการจริยธรรมสารสนเทศ
- เมื่อมีการร้องขอตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
④ บริษัทสามารถจัดทำและใช้สถิติข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกทั้งหมดหรือบางส่วนภายในขอบเขตของข้อ 2 เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของบริษัท
⑤ ความรับผิดชอบและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากข้อมูลที่สมาชิกกรอกหรือความผิดพลาดเกี่ยวกับข้อมูลที่กรอกเพื่อชำระเงินสำหรับ "บริการชำระเงินออนไลน์" จะเป็นความรับผิดชอบของสมาชิก เว้นแต่จะเกิดจากเจตนาหรือความประมาทของบริษัท
⑥ สมาชิกไม่สามารถโอนหรือให้สิทธิ์การใช้บริการ หรือสถานะในสัญญาการใช้บริการแก่บุคคลอื่น หรือใช้เป็นหลักประกันได้
⑦ สมาชิกต้องไม่กระทำการดังต่อไปนี้เกี่ยวกับการใช้บริการ
- กรอก แก้ไข หรือส่งข้อมูลเท็จในระหว่างขั้นตอนการสมัครสมาชิก แก้ไขข้อมูล หรือยืนยันตัวตน
- ใช้บริการโดยมิชอบด้วยการขโมยไอดีหรือรหัสผ่านของสมาชิกอื่น หรือขโมยข้อมูล
- ใช้ข้อมูลการชำระเงินของผู้อื่น เช่น หมายเลขบัตรเครดิตหรือบัญชี โดยไม่ได้รับอนุญาต
- ขัดขวางการดำเนินธุรกิจของบริษัทโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
- ลงทะเบียนหรือเผยแพร่ไวรัสคอมพิวเตอร์ โค้ด ไฟล์ หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือความสับสนต่ออุปกรณ์หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริการ
- ละเมิดลิขสิทธิ์ สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา หรือสิทธิในภาพลักษณ์ของบริษัทหรือบุคคลที่สาม
- ทำลายชื่อเสียงหรือขัดขวางการดำเนินงานของบริษัทหรือบุคคลที่สาม
- ใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท
- กระทำการอื่นใดที่ขัดต่อกฎหมาย จารีตประเพณี หรือข้อกำหนดที่บริษัทกำหนด
ข้อ 10 (นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
บริษัทจะพยายามปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่สมาชิกกรอกขณะสมัครสมาชิกและข้อมูลธุรกรรมทางการเงินที่ได้รับระหว่างการให้บริการ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกจะเป็นไปตาม "นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" ของบริษัทและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 11 (หน้าที่ของสมาชิก)
① สมาชิกต้องไม่กระทำการดังต่อไปนี้
- คัดลอก ดัดแปลง หรือให้ข้อมูลที่ได้รับจากบริการแก่บุคคลอื่นเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากการใช้ส่วนตัวของสมาชิกโดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากบริษัท
- ละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัทหรือบุคคลอื่น
- เผยแพร่เนื้อหาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของสังคม
- กระทำการที่อาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม
- กระทำการอื่นใดที่ขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
② สมาชิกต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดการใช้บริการที่บริษัทประกาศหรือแจ้งแยกต่างหาก
③ สมาชิกไม่สามารถดำเนินกิจกรรมเพื่อแสวงหากำไรใด ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากบริษัท
ข้อ 12 (ห้ามโอนสิทธิ์)
สมาชิกไม่สามารถโอนหรือให้สิทธิ์การใช้บริการ หรือสถานะในสัญญาการใช้บริการแก่บุคคลอื่น หรือใช้เป็นหลักประกันได้
หมวดที่ 4 การใช้บริการ
ข้อ 13 (การให้ข้อมูล)
บริษัทสามารถให้ข้อมูลที่หลากหลายที่เห็นว่าจำเป็นต่อสมาชิกในการใช้บริการผ่านอีเมลหรือไปรษณีย์ และสมาชิกสามารถปฏิเสธการรับข้อมูลได้โดยแจ้งความประสงค์ผ่านอีเมล
ข้อ 15 (ระยะเวลาให้บริการ)
① โดยหลักการแล้ว บริการจะเปิดให้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมงตลอดทั้งปี เว้นแต่จะมีปัญหาทางธุรกิจหรือเทคนิคของบริษัท หรือในกรณีที่บริษัทกำหนดเวลาเป็นพิเศษ เช่น การบำรุงรักษาตามกำหนด ซึ่งจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
② บริษัทสามารถจำกัดการให้บริการบางส่วนหรือทั้งหมดในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์หรือมีการใช้งานหนาแน่นเกินไป หรือเหตุสุดวิสัยอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ
③ บริการบางอย่างที่บริษัทให้บริการอาจมีการกำหนดเวลาใช้งานแยกต่างหาก และในกรณีนี้จะแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้า
ข้อ 16 (ความรับผิดชอบในการใช้บริการ)
สมาชิกต้องไม่ใช้บริการเพื่อการค้าขายที่ผิดกฎหมาย โฆษณา การแฮ็ก การแจกจ่ายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือโพสต์เนื้อหาลามกอนาจาร และบริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือการดำเนินคดีทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 17 (การระงับการให้บริการ)
① บริษัทสามารถระงับการให้บริการในกรณีดังต่อไปนี้
- กรณีที่มีการขยายหรือบำรุงรักษาอุปกรณ์
- กรณีที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่กำหนดโดยกฎหมายระงับการให้บริการ
- กรณีที่ไม่สามารถให้บริการได้เนื่องจากเหตุสุดวิสัยอื่น ๆ
② เว้นแต่ในกรณีฉุกเฉินของประเทศหรือภัยธรรมชาติ บริษัทจะแจ้งให้สมาชิกทราบเกี่ยวกับการระงับการให้บริการ
หมวดที่ 6 ทรัพย์สินทางปัญญา
ข้อ 19 (ทรัพย์สินทางปัญญา)
① สิทธิ์และความรับผิดชอบต่อข้อมูลที่สมาชิกโพสต์ในบริการเป็นของสมาชิก และบริษัทจะไม่ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสมาชิก
② สมาชิกไม่สามารถใช้ แก้ไข ให้เช่า แจกจ่าย หรือโอนข้อมูล บริการ ซอฟต์แวร์ หรือเครื่องหมายการค้าที่บริษัทหรือบริษัทพันธมิตรเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท
หมวดที่ 7 การชดใช้ค่าเสียหายและศาลที่มีอำนาจ
ข้อ 20 (การชดใช้ค่าเสียหาย)
บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่บริการไม่มีค่าธรรมเนียม เว้นแต่จะเกิดจากเจตนาหรือความประมาทของบริษัท
ข้อ 21 (ข้อจำกัดความรับผิด)
① บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการให้บริการในกรณีที่ไม่สามารถให้บริการได้เนื่องจากภัยธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัยที่เทียบเท่า
② บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อปัญหาในการใช้บริการที่เกิดจากความผิดของสมาชิก
③ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียรายได้ที่สมาชิกคาดหวังจากการใช้บริการ และจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากการเลือกใช้ข้อมูลของสมาชิกเอง
④ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความน่าเชื่อถือหรือความถูกต้องของข้อมูล เอกสาร หรือข้อเท็จจริงที่สมาชิกโพสต์ในบริการ
⑤ บริษัทไม่มีหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างสมาชิกหรือระหว่างสมาชิกกับบุคคลที่สามที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการ และจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
⑥ หากบริษัทได้รับความเสียหายเนื่องจากสมาชิกละเมิดข้อกำหนดนี้ สมาชิกที่ละเมิดต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่บริษัท และต้องปกป้องบริษัทจากความเสียหายดังกล่าว
ข้อ 22 (ศาลที่มีอำนาจ)
หากมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการใช้บริการ เช่น ค่าธรรมเนียม ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคือศาลที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท
หมวดที่ 8 การชำระเงิน
ข้อ 23 (การขอซื้อสินค้า)
① "ผู้ใช้" สามารถขอซื้อสินค้าผ่านวิธีการดังต่อไปนี้หรือวิธีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ และ "บริษัท" ต้องให้ข้อมูลต่อไปนี้แก่ "ผู้ใช้" อย่างชัดเจน
- ค้นหาและเลือกสินค้า หรือบริการ
- กรอกข้อมูลผู้ซื้อ เช่น ชื่อและข้อมูลติดต่อ
- ตรวจสอบและแสดงความยินยอมต่อข้อกำหนด เงื่อนไขการยกเลิกบริการ หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
- ขอซื้อและยืนยันการซื้อสินค้า หรือบริการ
- เลือกวิธีการชำระเงินและชำระเงิน
- การยืนยันขั้นสุดท้ายของ "บริษัท"
② หากบริษัทจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ซื้อแก่บุคคลที่สาม
- ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคล
- วัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับ
- รายการข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้
- ต้องแจ้งระยะเวลาการเก็บรักษาและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับแก่ผู้ซื้อและได้รับความยินยอม และหากมีการเปลี่ยนแปลงต้องได้รับความยินยอมใหม่
③ หากบริษัทมอบหมายให้บุคคลที่สามจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ซื้อ
- ผู้รับมอบหมายจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
- ต้องแจ้งเนื้อหาของงานที่มอบหมายให้ผู้ซื้อทราบและได้รับความยินยอม และหากมีการเปลี่ยนแปลงต้องได้รับความยินยอมใหม่ อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาในการให้บริการและเพื่อความสะดวกของผู้ซื้อ สามารถแจ้งผ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามวิธีที่กฎหมายกำหนดโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการแจ้งและขอความยินยอม
ข้อ 24 (การทำสัญญา)
① "บริษัท" สามารถปฏิเสธการขอซื้อสินค้าตามข้อกำหนด "การขอซื้อสินค้า" ในกรณีดังต่อไปนี้
- มีข้อมูลเท็จ ข้อมูลขาดหาย หรือข้อมูลผิดพลาดในคำขอซื้อ
- ลูกค้าที่ถูกจำกัดหรือระงับสถานะสมาชิกขอซื้อสินค้า
- มีเหตุอันควรเชื่อว่าขอซื้อสินค้าเพื่อการขายต่อหรือวัตถุประสงค์ที่ไม่ถูกต้อง
- การอนุมัติคำขอซื้อจะก่อให้เกิดปัญหาทางเทคนิคอย่างร้ายแรงต่อบริษัท
② เมื่อการอนุมัติของ "บริษัท" ในรูปแบบ "แจ้งยืนยันการรับคำขอ" ถึงผู้ใช้แล้ว จะถือว่าสัญญาได้ทำขึ้น
③ เมื่อบริษัทแสดงเจตนาอนุมัติ ต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับการยืนยันคำขอซื้อ ความพร้อมในการขาย การแก้ไขหรือยกเลิกคำขอซื้อ
ข้อ 25 (วิธีการชำระเงินและค่าธรรมเนียมสำหรับสมาชิกทั่วไป)
① ค่าสินค้าที่ซื้อผ่าน "เว็บไซต์" ของ "บริษัท" สามารถชำระได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- ชำระด้วยบัตรเดบิต บัตรเครดิต Naver Pay Kakao Pay หรือบัตรอื่น ๆ
- ชำระเงินแบบง่าย
- วิธีการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ
② บริษัทสามารถตรวจสอบว่าผู้ซื้อมีสิทธิ์ใช้วิธีการชำระเงินอย่างถูกต้องหรือไม่ และสามารถระงับการทำธุรกรรมจนกว่าจะตรวจสอบเสร็จ หรือยกเลิกธุรกรรมหากไม่สามารถตรวจสอบได้
③ บริษัทสามารถตรวจสอบยอดชำระเงินสะสมต่อเดือนและวงเงินเติมเงินของผู้ใช้แต่ละรายตามนโยบายของบริษัท ผู้ให้บริการชำระเงิน (เช่น ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ บริษัทบัตรเครดิต ฯลฯ) หรือผู้ให้บริการตัวกลาง (PG) และสามารถระงับการทำธุรกรรมจนกว่าจะตรวจสอบเสร็จ หรือยกเลิกธุรกรรมหากไม่สามารถตรวจสอบได้
④ วงเงินชำระเงินสะสมต่อเดือนและวงเงินเติมเงินของผู้ซื้อแต่ละรายอาจถูกจำกัดตามนโยบายของบริษัท ผู้ให้บริการชำระเงิน หรือผู้ให้บริการตัวกลาง (PG)
⑤ ความรับผิดชอบต่อข้อมูลที่กรอกเพื่อการชำระเงินหรือการชำระเงินเป็นของผู้ซื้อแต่เพียงผู้เดียว
ข้อ 26 (การแจ้งยืนยันผู้รับ การเปลี่ยนแปลงและยกเลิกคำขอซื้อ)
① เมื่อ "ผู้ซื้อ" ทำคำขอซื้อ บริษัทจะส่งแจ้งยืนยันให้กับ "ผู้ซื้อ"
② หาก "ผู้ซื้อ" ได้รับแจ้งยืนยันและพบว่ามีความไม่ตรงกันในเจตนา สามารถขอเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกคำขอซื้อได้ทันทีหลังได้รับแจ้งยืนยัน บริษัทต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกตามคำขอ เว้นแต่ในกรณีที่ได้ชำระเงินแล้ว ให้เป็นไปตามข้อกำหนด "การถอนคำขอซื้อ"
ข้อ 27 (การคืนเงิน)
① หาก "บริษัท" ไม่สามารถให้บริการ "สินค้า" ที่ผู้ซื้อขอได้เนื่องจากเหตุผล เช่น ไม่สามารถใช้บริการหรือจองออนไลน์ไม่ได้ บริษัทจะแจ้งเหตุผลให้ "ผู้ซื้อ" ทราบโดยไม่ชักช้า หากผู้ซื้อได้ชำระเงินแล้ว บริษัทจะคืนเงินภายในวันที่ผู้ซื้อจองวันและเวลาผ่านระบบจองออนไลน์ในเว็บไซต์ของบริษัท หรือดำเนินการที่จำเป็น ทั้งนี้ หากกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น
② ผู้ซื้อไม่สามารถคืนหรือเปลี่ยน "บริการชำระเงินออนไลน์" ในกรณีดังต่อไปนี้
- กรณีที่ "บริการชำระเงินออนไลน์" สูญหายหรือเสียหายเนื่องจากความรับผิดของผู้ซื้อ
- กรณีที่มูลค่าของ "บริการชำระเงินออนไลน์" ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการใช้หรือการบริโภคบางส่วนโดยผู้ซื้อ
- กรณีอื่น ๆ ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กำหนดให้เป็นเหตุจำกัดการถอนคำขอซื้อเพื่อความปลอดภัยของธุรกรรม
③ แม้ในกรณีตามข้อ 1 และ 2 หากเนื้อหาของ "บริการชำระเงินออนไลน์" แตกต่างจากที่แสดงหรือโฆษณา หรือดำเนินการไม่ตรงตามสัญญา ผู้ซื้อสามารถถอนคำขอซื้อได้ภายใน 3 วันนับจากวันที่ได้รับบริการ หรือภายใน 30 วันนับจากวันที่ทราบหรือควรทราบข้อเท็จจริงนั้น
ข้อ 28 (การถอนคำขอซื้อ)
① "ผู้ซื้อ" ที่ทำสัญญาซื้อ "สินค้า" กับ "บริษัท" สามารถถอนคำขอซื้อได้ภายใน 7 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งยืนยัน
② หากบริษัทไม่ได้ระบุเหตุผลจำกัดการถอนคำขอซื้ออย่างชัดเจน หรือไม่ได้ดำเนินการ เช่น การให้ "สินค้า" การถอนคำขอซื้อของผู้ซื้อจะไม่ถูกจำกัด
③ แม้ในกรณีนี้ หากเนื้อหาของ "สินค้า" แตกต่างจากที่แสดงหรือโฆษณา หรือดำเนินการไม่ตรงตามสัญญา ผู้ซื้อสามารถถอนคำขอซื้อได้ภายใน 3 วันนับจากวันที่ซื้อ หรือภายใน 30 วันนับจากวันที่ทราบหรือควรทราบข้อเท็จจริงนั้น ทั้งนี้ หากกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น
ข้อ 29 (ผลของการถอนคำขอซื้อ)
① เมื่อบริษัทได้รับคืน "สินค้า" จาก "ผู้ซื้อ" บริษัทจะคืนเงินค่าสินค้าที่ได้รับภายใน 3 วันทำการ หากบริษัทล่าช้าในการคืนเงิน จะต้องจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (15% ต่อปี) สำหรับระยะเวลาที่ล่าช้า
② หากผู้ซื้อใช้บัตรเครดิตหรือวิธีการชำระเงินอื่นในการชำระเงิน บริษัทจะขอให้ผู้ให้บริการชำระเงินระงับหรือยกเลิกการเรียกเก็บเงินโดยไม่ชักช้า
③ ค่าใช้จ่ายในการคืน "สินค้า" ที่ได้รับจะเป็นความรับผิดชอบของผู้ซื้อ เว้นแต่ในกรณีที่เนื้อหาของ "สินค้า" แตกต่างจากที่แสดงหรือโฆษณา หรือดำเนินการไม่ตรงตามสัญญา บริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการคืนสินค้า
[ภาคผนวก] (วันที่มีผลบังคับใช้) ข้อกำหนดนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2024